
10 อันดับร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อร่อยที่สุดในกรุงเทพ
อาหารอิตาเลี่ยน ถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์อาหารที่เป็นที่นิยมของคนไทย สังเกตได้จากร้านอาหารจากแดนมะกะโรนีที่มีให้เลือกชิมกันอยู่ทั่วมุมเมือง โดยเมนูที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น พิซซ่าหรือสปาเกตตี้ แต่จริงๆ อาหารอิตาเลี่ยน มีอีกหลากหลายเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
La Bottega di Luca
สำหรับ La Bottega di Luca ตั้งอยู่บนทำเลที่สวยงามเหมาะสำหรับการรับประทานอาหารอิตาเลียนและไวน์แบบดั้งเดิม อีกทั้งเป็นร้านอาหารที่ชาวอิตาเลี่ยนด้วยกันยังให้การยอมรับว่าคือหนึ่งในร้านที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯโดยเชฟ Luca Appino ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง อารมณ์ดี เป็นผู้ปรุงอาหารใช้ส่วนผสมแบบดั้งเดิมจากวัตถุดิบที่สดสะอาดจาก Mediterranean จนกลายมาเป็นอาหารจานอร่อย ไม่ว่าจะเป็น vongole white wine sauce , Tasmanian ribeye steak, Seafood pasta in white wine ,Wagyu carpaccio Burrata Cheese หรือจะเป็น lunch set ที่ราคาไม่แพงเพียง 390 บาทเท่านั้น โดยจะรับเป็นซุปหรือบุฟเฟ่ต์สลัดบาร์ + พาสตา 1 จานก็ได้ ซึ่งของในไลน์บุฟเฟ่ต์เค้าก็คุณภาพดี มีให้เลือกเยอะพอสมควร แค่กินผักย่าง เห็ดผัดสมุนไพร กับพวกแฮมก็คุ้มมากแล้ว อ้อ!ลืมบอกไปว่าร้านนี้เสต็กอร่อยมาก ยังไงไปแล้วห้ามลืมสั่งเด็ดขาด รวมๆแล้วบอกเลยว่าคนที่ชอบอาหารอิตาเลี่ยนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
พิกัด: อาคารเทอเรส 49 ตึก 2 ชั้น 2 ถนนสุขุมวิทซอย 49 ทองหล่อกรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย
เวลาเปิดร้าน 11.00-15.00 น.,17.00-23.00 น.
เว็บไซต์: www.labottega.name
facebook : facebook.com/bottegabkk
เบอร์โทรศัพท์: 02- 204-1731, 097-114-7342
Theo Mio (ธีโอ มิโอ)
ร้านอิตาเลียนชื่อดังระดับโลก โดยฝีมือของ Theo Randall เซเลบริตี้เชฟสุดฮอตจากเกาะอังกฤษ ที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ในวงการอาหาร ทั้งการเป็นหัวหน้าพ่อครัวที่ร้าน River Cafe ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และการเปิดร้านอาหารที่ใช้ชื่อเดียวกับตัวเขาเองที่โรงแรม InterContinental London Park Lane จนสร้างชื่อเสียงและแฟนคลับไปทั่วโลก
ส่วนร้านที่ไทยนั้นถือเป็นสาขาแรกนอกประเทศอังกฤษ โดยเปิดให้บริการที่โรงแรม InterContinental Bangkok ในชื่อร้านว่า Theo Mio มาพร้อมอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ซึ่งที่สาขาบ้านเรานั้น ก็ได้รับการดูแลทุกขั้นตอนจากเชฟ Theo Randall เหมือนสาขาที่อังกฤษแบบไม่ผิดเพี้ยน จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพอันดีเยี่ยมและรสชาติแบบต้นตำรับขนานแท้
สำหรับวัตถุดิบนั้นได้คัดเลือกมาเป็นอย่างดี มีทั้งส่วนที่นำเข้ามาจากอิตาลีและส่วนที่ผลิตในบ้านเราเอง นำมาผสมผสานกลายเป็นเมนูอาหารอิตาเลียนหลากเมนู โดดเด่นสุดๆ ต้องยกให้เส้นพาสต้า ที่ทางร้านทำขึ้นมาแบบสดๆ จึงสัมผัสได้ถึงความใส่ใจแบบเต็มที่ รวมไปถึงเมนูอื่น ที่ต้องบอกว่าดีงามไม่แพ้กัน
ในส่วนของการตกแต่งร้านมาในโทนสีน้ำเงินและฟ้าเทอร์ควอยส์ เพิ่มความร่มรื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ในร้าน โดดเด่นด้วยครัวเปิด ที่เราสามารถเห็นทุกขั้นตอนการผลิตของอาหารในแต่ละจานได้อย่างใกล้ชิด ส่วนที่ใครอยากนั่งรับลมชมวิว ก็มีโซนด้านนอกเอาไว้รองรับด้วยเช่นกัน
ช่องทางติดต่อ:
โทร 02-656-0444
CROSTINI
CROSTINI ร้านอาหารอิตาเลียนแท้ๆและบาร์ชื่อดังบน The Mercury Ville ชั้น 4 ที่แต่งร้านสุดเท่โทนสีไม้เอิร์ธโทนให้ความรู้สึกแบบอบอุ่น แต่แฝงด้วยกลิ่นอายและสไตล์แบบอิตาเลียนที่มีความเรียบและหรูหราที่นี่มีทั้งโซนอินดอร์และเอาท์เดอร์ให้เลือกนั่ง สามารถมองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ สวย ๆ เหมาะสำหรับการนั่งแฮงก์เอาท์รับลมเย็น ๆ เป็นที่สุด ที่นี่เสริฟอาหารอิตาเลียนวัตถุดิบดีที่นำเข้าจากต่างประเทศ รังสรรค์ด้วยความพิถีพิถัน จะสั่งจานไหนก็อร่อยเลิศไปทุกจานรับรองว่าถูกใจคนรักอาหารอิตาเลียนอย่างแน่นอน
สำหรับเมนูชวนลองที่รับประกันว่าเด็ดก็เช่น เมนูพิซซ่าหน้าซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Crostini Pizzas พิซซ่าแป้งบางกรอบที่ทำและอบสดใหม่แบบถาดต่อถาด ท็อปหน้าด้วยมาสคาโปนชีสเพื่อเพิ่มความนุ่ม พร้อมมอสซาเรลล่าชีสเยิ้ม ๆ และสโมคแซลมอน Pasta Al Cartoccio Di Mare สปาเก็ตตี้ผัดพร้อมเครื่องซีฟู้ด และไข่ปลาโบทาก้า นำเข้าวัตถุดิบจากซาดิเนีย ประเทศอิตาเลีย ปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน ก่อนคลุมโดยแป้งพิซซ่าแล้วนำเข้าไปอบในเตา Braciola Di Maiale Alla Griglia สเต็กหมูส่วนพอร์คชอปที่คัดมาเป็นพิเศษ กริลล์จนสุกกำลังดี เสิร์ฟมาร้อน ๆ พร้อมมันบด และซอสแอปเปิ้ลบัลซามิกโฮมเมด หรือจะเป็น Mix Crostini ขนมปังปิ้งชิ้นพอดีคำที่เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้งต่าง ๆ ถึง 6 หน้า ได้แก่ Guacamole Shrimp, Prosciutto di Parma & Mozzarella, Misto Mare, Funghi Trifolati, Smoked Salmon Catalan Style และ Caprese
ยามเย็นหากไม่รู้จะไปทางไหนชวนเพื่อนพ้องน้องพี่มาชื่นชมบรรยากาศและอาหารอร่อยที่นี่กันเถอะ
พิกัด: The Mercury Ville ชั้น 4
เวลาเปิด 11.30 – 23.30 น
เว็บไซต์: crostinibangkok.com
facebook: facebook.com/crostini.bkk
E-mail: admin@crostinibangkok.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 639 3710
Attico (แอททิโก)
หากใครที่ชอบทานอาหารท่ามกลางวิวมุมสูงอันสวยงามของกรุงเทพฯ ที่ Attico น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะร้านอาหารอิตาเลียนแห่งนี้ ตั้งอยู่บนชั้น 28 ของโรงแรม Radisson Blu Plaza Bangkok ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองหลวงกันได้อย่างเต็มตา ไม่ว่าจะนั่งโต๊ะไหน ก็สามารถสัมผัสวิวเมืองหลวงกันได้ทุกมุม
สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกอย่างคือการตกแต่งร้าน ที่เหมือนได้วาร์ปจากกรุงเทพฯ ไปยังอิตาลีในเวลาไม่ถึงนาที โดยเราสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เดินออกมาจากลิฟท์ ซึ่งขนาบข้างไปด้วยถังไวน์ไม้โอ๊คขนาดใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอุโมงค์ย่อมๆ เมื่อเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับพื้นที่ของร้านอาหารอันกว้างขวาง ตกแต่งในสไตล์ทัสคานี ให้กลิ่นอายชนบทของอิตาลี ส่วนเฟอร์นิเจอร์จะใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก
สำหรับอาหารของที่นี่จะเป็นสูตรอิตาเลียนแท้ๆ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟชาวอิตาเลียนตัวจริง ชูจุดเด่นด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ระดับคุณภาพ ซึ่งมีทั้งของนำเข้าและของในประเทศ โดยอาหารจะมาในคอนเซปต์ Home Style ที่ดึงรสชาติของอาหารจากอิตาลี ตั้งแต่เหนือจรดใต้ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
สถานที่:
ชั้น 28 โรงแรม Radisson Blu Plaza Bangkok ปากซอยสุขุมวิท 27 เขตวัฒนา
(สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: อโศก)
(สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: สุขุมวิท)
เวลาเปิดทำการ:
ทุกวัน
18.00-24.00 น.
ช่องทางติดต่อ:
โทร 02-302-3333
ROSSINI’S
ROSSINI’S ห้องอาหารอิตาเลียนอันเก่าแก่ที่อยู่คู่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท มายาวนานตั้งแต่ยุคก่อตั้งแห่งนี้ ที่เสิร์ฟอาหารแบบอิตาเลียนร่วมสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์ทัสคันวิลล่า โดยใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก การันตีรสชาติความอร่อยจากฝีมือทีมเชฟกระทะเหล็ก ด้วยการตกแต่งไตล์แบบอิตาเลียน ที่ดุอบอุ่นเป็นกันเองแต่คงความหรูหราไปพร้อมๆ กัน
สำหรับเมนูยังคงความเป็นอิตาเลียนร่วมสมัย รสชาติอร่อยและหน้าตาสวยงามที่ให้บริการในมื้อกลางวันและมื้อเย็น ไม่ว่าจะเป็น Salmone Marinata e Affumicata, Parmigiano, Cipolline Agrodolce, Sabbia di Cipolla แซลมอนรมควันสไตล์ à la minute ที่รมควันด้วย Smoke Gun เพื่อให้รสสัมผัสของปลามีความนุ่มและคงความสด รวมถึงหอมกลิ่นควันจาง ๆ ทานคู่กับผงหอมใหญ่รสหวาน ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้กับแซลมอนเป็นอย่างดี และยังมี Carne Cruda Wagyu Battuto al Coltello, Burrata e Tartufo Nero ทาร์ทาร์เนื้อที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการทานอาหารของชาวอิตาเลียนที่มักจะทานทาร์ทาร์กับเห็ดทรัฟเฟิล โดยเลือกใช้เนื้อวากิวเพื่อให้ได้สัมผัสและรสชาติที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับ Burrata Dome ชีสบูราต้าสดที่แข็งตัวเป็นโดมด้วยไนโตรเจนเหลว เมนูข้าวต้นตำรับอิตาลีที่นี่ก็มี Risotto, Piselli Dolci e Guancia Brasata ริซอตโต้สีเขียวสดใสที่มีส่วนผสมของถั่วลันเตา ต่ออีกเมนู Controfiletto Miyazaki Wagyu (A4) Cipolle al Balsamico เนื้อมิยาซากิวากิว เกรดเอสี่ ส่งตรงจากทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เป็นเนื้อที่ให้สัดส่วนไขมันกับเนื้อกำลังดี นำมาจี่กระทะร้อนจนผิวนอกเหมือนเบคอน แต่เนื้อด้านในยังคงความฉ่ำ ปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือมัลดอนเกล็ดใหญ่ที่ให้รสเค็มและหวานเล็ก ๆ เสิร์ฟพร้อมหอมแดงย่างน้ำส้มสายชูบัลซามิก กระเทียมทั้งดอกกับโรสแมรี่เผา
สำหรับของหวานสไตล์อิตาเลียนขอเสนอ Spuma di Cioccolato Nero e Granita al Caffé เมนูเย็น ๆ ที่เบสด้วยมูสดาร์กช็อกโกแลต คอฟฟี่กรานิต้าผสมครัมเบิลช็อกโกแลตคุกกี้ ปิดหน้าด้วยแผ่นดาร์กช็อกโกแลตที่มีเบอร์รีตกแต่งและช่วยตัดรสเข้มจากกาแฟและช็อกโกแลต งานนี้บอกเลยว่ามาร้านนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ
พิกัด: 250 ถนน สุขุมวิท Klong Toei, เขต คลองเตย กรุงเทพมหานคร
เว็บไซต์: www.rossinisbangkok.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 649 8364
Biscotti
ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล The Plate จาก Michelin Guide เป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมและคุ้มค่า โดยร้านตั้งอยู่ที่โรงแรม Anantara Siam Bangkok เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมคอนเซปต์ร้านอาหารอิตาเลียนร่วมสมัย ที่จะมอบประสบการณ์การทานอาหารในแบบที่ทุกคนต้องประทับใจ ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสรสชาติอาหารอันยอดเยี่ยมแล้ว เรายังจะได้สัมผัสถึงวิธีการปรุงอาหารจากเชฟมากประสบการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านครัวเปิดใจกลางร้าน ส่วนการตกแต่งร้านก็ดูสวยงาม หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์
สำหรับอาหารมีให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ที่เน้นอาหารอิตาเลียนสไตล์ Home Cooking แบบต้นตำรับ โดดเด่นด้วยหน้าตาอาหารที่สวยงามชวนถ่ายรูป ดูแลทุกขั้นตอนการผลิตโดยชาวอิตาเลียนขนานแท้ โดยมื้อกลางวันจะเน้นไปที่อาหารทานง่ายรวดเร็ว รวมไปถึงอาหารสไตล์ Antipasti แบบบุฟเฟ่ต์ ที่จะช่วยเติมพลังระหว่างวันได้เป็นอย่างดี
ส่วนมื้อดินเนอร์จะเน้นเสิร์ฟเมนูแบบ A La Carte ที่มีให้เลือกอิ่มอร่อยกันอย่างหลากสไตล์ อาทิ พิซซ่า, พาสต้า, ซีฟู้ด รวมไปถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนจะตบท้ายด้วยเมนูของหวาน ที่ทำขึ้นสดๆ แบบจานต่อจาน
ช่องทางติดต่อ:
โทร 02-126-8866
Gianni Ristorante
Gianni Ristorante เป็นร้านอาหารอิตาลีเก่าแก่เปิดบริการมานานตั้งแต่ปี1996 โดยเชฟ Patron Gianni Favro ผู้พิถีพิถันในทุกๆขั้นตอน เพื่อให้อาหารออกมาอร่อยและสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมๆกับบรรยากาศที่ดีเยี่ยมที่ให้ความรู้สึกแบบเมดิเตอร์เรเนียนและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ปกคลุมบริเวณส่วนหนึ่งของร้านอาหาร ที่นี่สดใสและโปร่งสบาย เหมาะกับการมาทานอาหารในทุกโอกาส เชฟ / ผู้อุปถัมภ์ Gianni Favro ได้รับชื่อเสียงอันน่าทึ่งในวงการอาหารของกรุงเทพฯเพื่อให้บริการลูกค้าทั้งอบอุ่นและเป็นส่วนตัวและอาหารอิตาเลียนชั้นหนึ่ง Gianni ยืนยันในการดูแลรายละเอียดแต่ละส่วนของร้านอาหารด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษในการสั่งซื้อวัตถุดิบที่สดใหม่พร้อมใช้งานตลอดจนสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า
สำหรับด้านรสชาติอาหารต้องบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นซุปเห็ดทรัฟเฟิ่ล ปลาโดเวอร์โซลย่าง ปาม่าแฮม เนื้อปลา ตับห่าน ของหวานก็ไม่เคยผิดหวัง อย่างเช่น สตรอว์เบอรรี่ เมอแรง สัมผัสได้ถึงวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เชฟปรุงมาได้กำลังดีเลย เป็นร้านอาหารคุณภาพอีกหนึ่งร้านสำหรับมื้อพิเศษ บริการดีตามมาตรฐานโรงแรมดีๆ พนักงานบริการดี มีเจ้าของร้านออกมาทักทายแบบเป็นกันเอง ถึงแม้อาหารร้านนี้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ถ้าเป็นโอกาศพิเศษก็คุ้มค่าที่จะได้ลิ้มลอง
พิกัด: 34/1 ซอยต้นสนเพลินจิต
เปิดบริการ อาหารกลางวัน : 11:30 น. – 14:00 น.
อาหารค่ำ : 18:00 น. 22:00 น
เว็บไซต์: www.giannibkk.com
E-mail: info@giannibkk.com
เบอร์โทรศัพท์: 02-252-1619, 02 652-2922
La Tavola (ลา ทาโวล่า)
ร้านอาหารอิตาเลียนแบบแท้ๆ ใจกลางเมือง La Tavola คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong ให้บริการอาหารอิตาเลียนสูตรคลาสสิคดั้งเดิม เน้นรสชาติที่ถอดแบบมาจากต้นตำรับ ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก ผสานการปรุงอาหารแบบพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ที่รังสรรค์โดยเชฟชาวอิตาเลียนแบบจานต่อจาน มีเมนูต่างๆ ให้เลือกชิมกันหลากประเภท ไม่ว่าจะเป็น สลัด, พิซซ่า, พาสต้า, เมนูหลักอื่นๆ รวมไปถึงของหวานสไตล์อิตาเลียน ที่ขอบอกว่าเลยว่าอร่อยสุดๆ
นอกจากนี้ในโอกาสพิเศษต่างๆ ทางร้านยังมีเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมไปถึงมื้ออาหารประจำเทศกาล ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น La Tavola Apomeridiano Sunday ที่ให้บริการ Antipasti Buffet ในมื้อสายของทุกๆ วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
ด้านการตกแต่งร้านก็เน้นไปที่ความเรียบหรูดูดี แต่แฝงกิมมิคสุดเก๋ด้วยลายปูนปั้นดอกไม้สีขาวสุดอลังการบนเพดาน พร้อมด้วยครัวเปิดแสนใหญ่โต ที่เราสามารถสัมผัสทุกขั้นตอนการปรุงอาหารได้อย่างใกล้ชิด ปิดท้ายด้วยไวน์บาร์สุดครบครัน ที่เพียบพร้อมไปด้วยไวน์ชั้นดีจากหลายประเทศ รวมไปถึงเครื่องดื่มอีกนานาชนิด ที่จะมาเป็นตัวช่วยให้คุณทานอาหารได้อร่อยขึ้นเป็น 2 เท่า
ช่องทางติดต่อ:
โทร 02-125-5020
Medici (เมดิชี่)
โรงแรม Hotel Muse Bangkok คงจะคุ้นเคยกันดีกับร้านอาหารอิตาเลียนที่ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน โดยชื่อของ Medici ถูกตั้งตามตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในร้านอาหารอิตาเลียนที่ฮิตสุดๆ แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
โดยเมนูอาหารของที่นี่จะเน้นไปที่ความเป็นอิตาเลียนแบบดั้งเดิม มีการใช้วัตถุดิบที่ส่งตรงมาจากอิตาลีโดยตรง ผ่านการคัดสรรที่ดีเยี่ยมจากเชฟชาวอิตาเลียนมากประสบการณ์ ซึ่งเน้นในเรื่องของความสดใหม่ รวมไปถึงความพิถีพิถันในการปรุง เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีเยี่ยมและเปี่ยมไปด้วยความคลาสสิค มีเมนูต่างๆ ให้เลือกสั่งมาทานกันหลากชนิด อาทิ พาสต้า, รีซอตโต้, รวมไปถึงสเต็ก ที่ถือเป็นเมนูยอดฮิตที่คนนิยมสั่ง
ด้านบรรยากาศภายในร้านก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น โดดเด่นด้านการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-อินดัสเทรียล ที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและความเป็นไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว พร้อมเติมเสน่ห์ด้วยครัวเปิด ที่เราสามารถชมทุกขั้นตอนการปรุงอาหารได้อย่างใกล้ชิด ก่อนจะเพิ่มสีสันยามค่ำคืนด้วยการแสดงจากวงโอเปร่า ที่มีการเปลี่ยนธีมไปในทุกสัปดาห์
ช่องทางติดต่อ:
โทร 02-630-4000
Jamie’s Italian (เจมี่ส์ อิตาเลียน)
ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยฝีมือของเซเลบริตี้เชฟชื่อดังจากอังกฤษอย่าง Jamie Oliver ซึ่งนี่ถือเป็นสาขาแรกในประเทศไทยที่ Siam Discovery โดยจุดเริ่มต้นของสาขาแรกนั้นอยู่ที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ก่อนจะขยายสาขาไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศอังกฤษกว่า 42 สาขา และมีสาขาที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอีกกว่า 25 สาขา อาทิ สิงคโปร์, ฮ่องกง, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, รัสเซีย ฯลฯ
บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง ผสานการตกแต่งที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ โต๊ะสังกะสีสไตล์อินตัสเทรียล ไปจนถึงเก้าอี้หนังสไตล์วินเทจ พร้อมของประดับประดาต่างๆ ที่มาเป็นตัวช่วยให้ร้านดูน่านั่งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีที่นั่งให้เลือกหลายมุม ทั้งโต๊ะติดกระจกที่มองเห็นแยกปทุมวัน หรือจะเป็นโต๊ะฝั่งที่ติดด้านในห้าง ก็น่านั่งไม่แพ้กัน
สำหรับเรื่องของอาหาร ทางร้านได้ตั้งใจคัดสรรส่วนผสมที่ดีที่สุดมาจากแหล่งต่างๆ ก่อนจะนำมาผสานกับสูตรอาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับในแบบฉบับของ Jamie Oliver โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเชฟชาวอังกฤษ แต่ก็มั่นใจได้ว่ารสชาติอาหารของที่นี่ มีความเป็นอิตาเลียนแบบดั้งเดิมมากๆ แถมยังอร่อยจนถูกใจแฟนๆ จนมีสาขามากมายทั่วโลก ที่เป็นเครื่องการันตีคุณภาพและความยอดเยี่ยม สำหรับไฮไลท์เด็ดของสาขาประเทศไทยนั้น อยู่ที่เรื่องของพาสต้า ที่เน้นการทำเส้นสดใหม่แบบวันต่อวัน รวมไปถึงวัตถุดิบชนิดอื่นๆ ที่ทางร้านได้ร่วมมือกับเกษตรกรท้องถิ่น สรรหาสินค้าแบบไทยๆ มาผสมผสานในบางเมนูได้อย่างลงตัว